วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4 
การให้การศึกษาผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
Parent Education for Early Childhood
วันพฤหัสบดี ที่ 29 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562
เวลา 12.30- 15.30 น.

ความรู้ที่ได้รับ (Story of subject)

การสื่อสารกับผู้ปกครองเด็กปฐมวัย

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับรายวิชา
1.One-Way Communication   การสื่อสารทางเดียว
2.Two-way Communication การสื่อสารสองทาง
3.Verbal Communication  การสื่อสารเชิงวัจนะภาษา
4.Non-Verbal Communication การสื่อสารเชิงอวัจนะภาษา
5.personal Communication การสื่อสารส่วนบุคคล
6.Intrapersonal Communication การสื่อสารระหว่างบุคคล
7.Mass Communication การสื่อสารมวลชน
8.Channel ช่องทางการส่งสาร
9.Clarity of audience ความสามารถของผู้รับสาร
10.Clearly ความชัดเจน 
ความหมายของการสื่อสาร การสื่อสาร  (Communication) คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก   ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ 
ความสำคัญของการสื่อสาร
1.ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
2.ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
3.ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
4.ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
5.ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต


รูปแบบของการสื่อสาร
💙 รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล (Aristotle’s Model of Communication)
ผู้พูด         →           คำพูด         →        ผู้ฟัง
💙 รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล (Lasswell’s Model of Communication)
ใคร     →    กล่าวอะไร     →    ผ่านช่องทางใด      →    ถึงใคร      →     เกิดผลอะไร
💙 รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์ (Shannon & Weaver’s Model of Communication)
 แหล่งสารสนเทศ → ตัวถ่ายทอด → สาร → ผู้รับสารหรือเครื่องรับ → ผู้รับสารปลายทาง
                                                           ↑
                                              แหล่งเสียงรบกวน
💙 รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์ (C.E Osgood and Willbur Schramm’s )

💙 รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s Model of Communication) 


องค์ประกอบของการสื่อสาร
1. ผู้ส่งข่าวสาร (Sender)
2. ข้อมูลข่าวสาร (Message)
3.สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
4.ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
5.ความเข้าใจและการตอบสนอง

สื่อ
ใช้วิธีพูด-เขียน หรือการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ เช่น ใช้รูปภาพ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ โดยวิธีการติดต่อนั้นต้องใช้ตัวกลางต่างๆ เช่น คลื่นเสียง ตัวหนังสือ 
สาร
คือ เรื่องราวที่รับรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น  ข้อเท็จจริง  ข้อแนะนำ  การล้อเลียน  ความปรารถนาดี  ความห่วงใย  มนุษย์จะแสดงออกมาให้เป็นที่รับรู้ได้
วัตถุประสงค์ของการสื่อสาร
1. เพื่อแจ้งให้ทราบ
2. เพื่อสอนหรือให้การศึกษา
3. เพื่อสร้างความพอใจหรือให้ความบันเทิง
4. เพื่อเสนอหรือชักจูงใจ 

ประเภทของการสื่อสาร
1. จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร 
     1 การสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication
     2 การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) 
2. จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก 
     1 การสื่อสารเชิงวัจนะ (Verbal Communication) 
     2 การสื่อสารเชิงอวัจนะ (Non-Verbal Communication) 
3. จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร
     1 การสื่อสารส่วนบุคคล (Intrapersonal Communication)
     2 การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication)
     3 การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) 



ปัจจัย7 ประการเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้ปกครอง
ความพร้อม   ความต้องการ   อารมณ์และการปรับตัว
การจูงใจ    ความถนัด     ทัศนคติและความสนใจ    การเสริมแรง
การสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพนับเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้งานการให้ความรู้ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จ ผู้ที่เป็นครูจะต้องทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสารให้กระจ่างชัดเจน ประกอบกับการศึกษาธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อที่จะได้ทำการให้ความรู้ให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองได้ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง บ้านโรงเรียน ชุมชนและสังคมเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กร่วมกัน

💁 คำถามท้ายบท 💁

1.จงอธิบายความหมายและความสำคัญของการสื่อสารมาโดยสังเขป
ตอบ     ความหมายของการสื่อสาร เป็นกระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จากผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสาร มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา 
ความสำคัญของการสื่อสาร 
1.ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
2.ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
3.ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
4.ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
5.ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต

2.การสื่อสารมีความสำคัญกับผู้ปกครองอย่างไร
ตอบ     การสื่อสารมีความสำคัญเพราะจะช่วยให้การให้ความรู้ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จ ให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอุ่นใจว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองด้วย ทั้งนี้การเตรียมการสื่อสารที่ดีมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการให้ข้อมูลจะกระชับเข้าใจง่ายชัดเจนและไม่มีความหมายบิดเบือน
3.รูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้ผู้ปกครอง ควรเป็นรูปแบบใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ    การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) สื่อสารที่มีการส่งข่าวสารตอบกลับไปมาระหว่างผู้สื่อสาร ยกตัวอย่าง เช่น การคุยโทรศัพท์ การพูดคุยกัน ผู้ปกครองและครูควรมีการพูดคุยปรึกษาหารือระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งสารเพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามการให้ข้อมูลตรงตามจุดประสงค์หรือไม่ 
4.ธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครองควรมีลักษณะอย่างไร
ตอบ    1.เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
           2.เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
           3.มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
           4.เรียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
           5.เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
           6.ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
           7.เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
5.ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก ประกอบด้วยปัจจัยด้านใดบ้าง
ตอบ      1.ความพร้อม  2.ความต้องการ  3.อารมณ์และการปรับตัว
   4.การจูงใจ     5.ความถนัด       6.ทัศนคติและความสนใจ    7.การเสริมแรง


😶😶😶 การประเมิน (Assessment) 😶😶😶
ประเมินอาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลา อธิบายเนื้อหาครบถ้วน ระหว่างการสอนมีเกมต่าง ๆที่สัมพันธ์กับเนื้อหามาให้เล่น เพื่อให้นักศึกษาไม่เบื่อในการเรียนและเข้าใจเนื้อหามากขึ้น

ประเมินเพื่อน : แต่งกายเรียบร้อย เข้าเรียนครบทุกคน มีเล่นโทรศัพท์บ้างครั้ง 


ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบ ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเนื้อหาเยอะเสียสมาธิบ้างบางครั้ง



วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3 
การให้การศึกษาผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
Parent Education for Early Childhood
วันพฤหัสบดี ที่ 22 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562
เวลา 12.30- 15.30 น.

ความรู้ที่ได้รับ (Story of subject)

>หลักเบื้องต้นในการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย<


💙💙 คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับรายวิชา 💙💙

1.Educational Networking   การสร้างเครือข่ายทางการศึกษา
2.Understanding  การสร้างความเข้าใจ
3.Behavior change  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
4.Parental Involvement  การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
5.Role of parent  บทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง
6.Parent education model  รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครอง
7.Formal education   การให้ความรู้แบบเป็นทางการ
8.Informal education   การให้ความรู้แบบไม่เป็นทางการ


       💥 ความหมายของการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครอง💥

สรุปได้ว่า การให้การศึกษาแก่ผู้ปกครอง หมายถึง การให้ความรู้เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็ก เพราะเด็กอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันครอบครัว การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองถือเป็นกระบวนการทางสังคม ซึ่งสังคมมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคคลภายในสังคมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในสังคม ทั้งในและนอกระบบ การให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองจึงเป็นการช่วยเหลือพ่อแม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ที่เตรียมตัวจะเป็นพ่อแม่ให้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการในการดูแล อบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่เด็ก เพื่อให้เด็กเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่า เพื่อการพัฒนาตนต่อไปในอนาคต

💥ความสำคัญของการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครอง💥

1.เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก
          2.เป็นการให้ผู้ปกครองได้เข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองที่มีต่อการศึกษา
          3.ทำให้ลดความขัดแย้งในการดำเนินงานทางการศึกษา ช่วยให้การศึกษาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
        4.เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้มีส่วนสนับสนุนและพัฒนาการศึกษาของเด็ก
    5.ช่วยเสริมสร้างทำให้สถาบันครอบครัวมีความแข็งแรงมากขึ้น


💙💙วัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครอง💛💛

1.เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการในการอบรมเลี้ยงดูเด็กและให้การศึกษาแก่เด็ก
2.เพื่อให้ความรู้และวิธีการในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้แก่เด็ก
3.เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวการศึกษาของเด็กที่โรงเรียนเพื่อให้ที่บ้านเข้าใจตรงกัน
4.เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปกครองได้ตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการมีส่วนร่วมส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้แก่บุตรหลาน
5.เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับรู้และเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษาให้แก่บุตรหลาน

💜💜รูปแบบในการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย💜💜

การจัดการศึกษาที่เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา การให้ความรู้ผู้ปกครอง จึงมีความสำคัญที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินงาน เพื่อจัดรูปแบบในการให้ความรู้เพื่อเข้าถึงเป้าหมาย รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองสามารถกระทำได้ด้วยวิธีการดังนี้
   - การให้ความรู้แบบทางการ (formal)  เช่น การบรรยาย  การอภิปราย การโต้วาที ฯลฯ
   - การให้ความรู้แบบไม่เป็นทางการ (informal) เช่น การระดมสมอง การประชุมโต๊ะกลม การประชุมกลุ่มย่อย
สรุปได้ว่า  รูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมี 2 ส่วนหลักๆคือการมีส่วนร่วมที่บ้านในการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กทุกๆ ด้านและการมีส่วนร่วมในสถานศึกษา เช่น การเข้าร่วมประชุมร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการปรึกษา เยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน การมีส่วนร่วมในการทำงาน เสนอแนวคิดและร่วมตัดสินใจทางการศึกษา

💚💚แนวทางการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย💙💙

หลักการและแนวทางในการจัดกิจกรรมให้ความรู้ผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครอง   มีส่วนร่วมนั้น อยู่บนพื้น
ฐานความคิดของการสร้างความสัมพันธ์อันดี กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ขึ้นอยู่กับทางโรงเรียนจะต้องเลือ
ให้เหมาะสมกับสภาพสังคม ครอบครัว เจตคติและความเชื่อของผู้ปกครอง โดยอาจจัดหลายกิจกรรม
ประกอบกัน ทั้งนี้ทางโรงเรียนต้องชี้แจงให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมและจักกิจกรรม
ให้ตรงตามความต้องการของผู้ปกครอง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมและ
ยึดผลที่จะเกิดขึ้นกับเด็กเป็นสำคัญ

👉แนวปฏิบัติของสถานศึกษา👈

1. รับฟังความคิดเห็นและความรู้สึกที่ผู้ปกครองมีกับลูก
2. ขณะที่พูดคุยกับผู้ปกครองเด็ก ไม่ใช้เป็นการพูดถึงเด็กในทางที่ไม่ดีเท่านั้น แต่ควรพูดถึงในสิ่งที่ดีที่เด็กสามารถพัฒนาขึ้นมาก
3. ควรหลีกเลี่ยงคำอธิบายหรือใช้คำศัพท์ทางวิชาการในการอธิบายพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง

👉คำถามท้ายบท👈

1. การจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบันการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองมีความสำคัญอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ  การให้ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาจะช่วยทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองได้เรียนรู้และเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่สำคัญของการพัฒนาเด็ก ทำให้ดำเนินงานทางการศึกษาระหว่างบ้านกับโรงเรียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางการศึกษาทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างบ้านกับโรงเรียน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

2.  ในสถานศึกษาปฐมวัยสามารถดำเนินกิจกรรมการให้ความรู้ผู้ปกครองในลักษณะหรือรูปแบบใดบ้าง จงอธิบาย และยกตัวอย่างของกิจกรรม
ตอบ 1. การที่ครูไปเยี่ยมบ้านเด็กและผู้ปกครอง เพื่อเปิดโอกาสให้ครูทราบสภาพครอบครัว สร้างความคุ้นเคยกับผู้ปกครองและเด็ก
        2. การเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน
        3. การพูดคุยทางโทรศัพท์

3. นักศึกษามีแนวคิดอย่างในการใช้บ้านเป็นฐานของการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ตอบ  บ้านถือเป็นโรงเรียนแห่งแรกของเด็ก การใช้บ้านเป็นฐานจะทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กขณะอยู่บ้านเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้  การเยี่ยมบ้าน การส่งจดหมาย เอกสารถึงบ้าน การจัดทำโฮมสคูล (Home School)

4.  องค์ความรู้ที่จำเป็นในการให้ความรู้ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยเกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง
ตอบ  การมีส่วนร่วมส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้แก่บุตรหลาน
1. พัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา 
2. พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม ควบคุมอารฒ์ตนเองในการทำงานและการอยู่กับผู้อื่น มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง มีระเบียบวินัย 
3. พัฒนาการด้านสติปัญญา รับรู้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คิดแก้ปัญหา สร้างสรรค์ การฝึกพูด 
4. พัฒนาการด้านคุณธรรมจริยธรรม ฝึกอบรมสั่งสอนให้เด็กประพฤติทั้งกาย วาจา ใจ รวมทั้งเป็นต้นแบบที่ดีให้เด็กปฏิบัติตาม

😶😶😶 การประเมิน (Assessment) 😶😶😶
ประเมินอาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลา อธิบายเนื้อหาครบถ้วน เข้าใจง่าย
ประเมินเพื่อน : แต่งกายเรียบร้อย มีเล่นโทรศัพท์บ้าง
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบ เนื้อหาเยอะเสียสมาธิบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2 
การให้การศึกษาผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
Parent Education for Early Childhood
วันพฤหัสบดี ที่ 15 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562
เวลา 12.30- 15.30 น.

ความรู้ที่ได้รับ (Story of subject)

▶️ การให้การศึกษาผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ◀️
          การพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์นั้นควรได้รับการดูแล ถ่ายทอดความคิด วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และค่านิยมที่ดีงามจากผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญและใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด เพื่อให้การดำรงชีวิตของมนุษย์สมบูรณ์แบบ ควรเริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิ  อาจกล่าวได้ว่าบุคคลแรกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์คือ พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง
     กุลยา  ตันติผลาชีวะ (2542 : 3)  ได้จำแนกผู้ปกครองไว้ 5 ประเภท คือ
1. ผู้ปกครองตามกฎหมาย   เป็นพ่อแม่แท้ๆ มีสิทธิในพินัยกรรมทั้งหมด
2. ผู้ปกครองโดยกฎหมาย  พ่อแม่บุญธรรม ผู้ร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ทางกฎหมาย เพื่อเป็นผู้ปกครอง 
3. ผู้ปกครองอุปถัมภ์    เป็นผู้ปกครองชั่วคราวที่รับเลี้ยงดูด้วยความรู้สึกเมตตา สงสาร อยากช่วยเหลือ 
4. ผู้ปกครองทางชีวภาพ   แม่อุ้มบุญ มีความผูกพันธ์ทางพันธุกรรม หน้าที่ดูแลอยู่ที่ผู้ปกครอง
5. ผู้ปกครองโดยบังเอิญ   พบเด็กในกรณีหลง แล้วต้องรับเลี้ยง พ่อแม่เด็กตาย  เด็กถูกนำมาฝากเลี้ยง 
สรุป  ผู้ปกครอง หมายถึง ผู้ที่เป็นบิดา มารดา ญาติพี่น้องหรือบุคคลอื่นที่ให้การอบรมเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่เด็กที่อยู่ในการดูแลให้ความรักและความเอาใจใส่ห่วงใยตลอดจนให้การศึกษาแก่เด็ก 

▶️ ความสำคัญของผู้ปกครอง◀️
      ผู้ปกครองมีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ซึ่งมีความใกล้ชิดกับเด็ก เป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตเด็กทั้งการเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยถือเป็นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลิกภาพในอนาคต ผู้ปกครองจึงเป็นผู้นำที่จะช่วยให้เด็กเจริญเติบโต มีพัฒนาการที่เหมาะสมเพื่อการก้าวสู่โลกกว้างได้อย่างมั่นคงและมีความพร้อมในทุกด้าน จึงถือว่าผู้ปกครองเป็นผู้เสริมสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์ด้วยความรัก ความเข้าใจให้แก่เด็กตั้งแต่เยาว์วัยเป็นรากฐานอนาคตของสังคมให้มีความสมบูรณ์และแข็งแรง

▶️ บทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง◀️
กุลยา  ตันติผลาชีวะ (2542)  กล่าวว่า บทบาทและหน้าที่ที่สำคัญของผู้ปกครองคือ ต้องตระหนักถึงธรรมชาติของเด็กที่มีความเฉพาะที่ต้องเข้าถึงเด็ก มีร่างกาย มีจิตใจ มีการพัฒนา มิใช้แต่ตัวเด็กเองแต่เป็นทั้งเพื่อครอบครัวและสังคม ดังนั้นหลักการเลี้ยงเด็กจึงมี 3 ประการ ดังนี้
1. หลักการทางจิตวิทยา
2. หลักการทางพัฒนาการ
3. หลักการทางวุฒิภาวะ
▶️ สรุปบทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง 10  ประการ
1.  ให้ความรักและสายสัมพันธ์ในครอบครัว
2.  ให้ความเอาใจใส่และเอื้ออาทรต่อลูก
3.  ทำตนให้เป็นแบบที่ดีแก่ลูก
4.  ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ในสังคมเกี่ยวกับการปฏิบัติตน
5.  ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้เป็นไปตามวัย
6.  ให้หลักธรรมในการพัฒนาเด็กด้วยหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา)
7.  ส่งเสริมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย
8.  ศึกษาการเจริญเติบโตของเด็ก
9.  เอาใจใส่ดูแลสุขภาพ
10. สนับสนุนเตรียมความพร้อมก่อนสู่สังคม


▶️บทบาทและหน้าที่ด้านการอบรมเลี้ยงดู◀️
1. เลี้ยงดูเด็กให้เจริญเติบโต
     2. อบรมระเบียบวินัยทางสังคม 
                              3. ส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับเด็กปฐมวัย
                                                     4. ส่งเสริมความสนใจของเด็กโดยการจัดสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเด็กให้เหมาะสม 
▶️บทบาทและหน้าที่ด้านการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้◀️
1.  ช่วยจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับกิจกรรมที่โรงเรียน
2.  ส่งเสริมให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงให้มาก
3.  สนทนาให้ความเป็นกันเองกับเด็ก ป้อนคำถามให้เด็กได้คิดหาคำตอบ
4. ชมเชยเมื่อเด็กทำความดี ทำได้ถูกต้อง ในขณะที่ทำผิดก็ต้องชี้แจงให้เด็กเข้าใจให้ถูกต้องก่อนที่เด็กจะจำวิธีการผิดๆ ไปใช้
5.  ให้เด็กมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ช่วยเหลืองานในบ้านที่เหมาะสมกับวัย
6.  ให้อิสระแก่เด็กบ้างในบางโอกาส
7.  สนับสนุนส่งเสริมให้เกิดปัญญา
8.  คอยติดตามการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ของเด็ก โดยไม่เข้มงวดกวดขันจนเกินไป
9.  ติดต่อกับครูของเด็กเพื่อรับทราบปัญหาและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้
▶️ คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับรายวิชา ◀️

1. Parent     พ่อแม่  ผู้ปกครอง
2. Education     การศึกษา
3. Early Childhood    เด็กปฐมวัย
4. Parent Education for Early Childhood  การให้การศึกษาผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
5. Is a good example of children  การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
6. Attentiveness   ความใจใส่
8. Intimacy   ความใกล้ชิด
9. Family relationship  สายสัมพันธ์ในครอบครัว
10. Accept emotions and feelings of children    ยอมรับอารมณ์และความรู้สึกของลูก

คำถามท้ายบท
1. ในสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักศึกษาคิดว่าบทบาทและหน้าที่ของผู้ปกครองที่มีต่อเด็กปฐมวัยมีอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ ผู้ปกครองเป็นบุคคลที่สำคัญในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก เพราะเป็นผู้ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุดสามารถที่จะตองสนองความต้องการพื้นฐานของเด็ก ได้แก่ ความต้องการในการดำรงชีวิต ความต้องการความรักความอบอุ่น นอกจากนี้เด็กยังได้อิทธิพลจากสภาพแวดล้อมภายในครอบครัว เด็กจะมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการอบรมเลี้ยงดูจากบ้านเป็นสำคัญ คุณภาพของเด็กมีผลมาจากการอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครองเป็นอย่างมาก
  
2. จงอธิบายวิธี แนวทางที่ผู้ปกครองสามารถใช้ในการส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญาให้แก่เด็กปฐมวัย
ตอบ  พัฒนาการด้านร่างกาย
          -  เด็กชอบปีนป่ายเตะบอล รักลูกบอล ชอบเล่นในสนาม เด็กสามารถขี่ จักรยานสามล้อได้ พัฒนาการด้านสติปัญญา
          - เด็กเชื่อว่าสิ่งของทุกอย่างมีชีวิติ (Animism) เด็กชอบเล่นสมมุติโดยจะเอาตุ๊กตาตามมาเล่นแล้วสมมุติ เป็นพ่อแม่ลูก แสดงท่าป้อนข้าวลูก

พัฒนาการด้านอารมณ์
- ให้ความรักความอบอุ่นและเวลากับลูกมากๆ ชื่นชมเมื่อลูกทำดี 

พัฒนาการด้านสังคม
- ฝึกให้ลูกสามารถช่วยเหลือตนเองได้ อาบน้ำ แต่งตัว ใส่รองเท้าเอง บอกเวลาจะถ่ายได้ ถอดกางเกง เข้าห้องน้ำเอง และทำความสะอาดหลังขับถ่ายได้
 - เด็กเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัว เพื่อให้สังคมยอมรับ ทำตัวให้เข้ากลุ่มได้ รู้จักให้ รับ รู้จักผ่อนปรน รู้จักแบ่งปัน

พัฒนาการด้านสติปัญญา
ฝึกใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 (มอง ฟัง สัมผัส ชิมรส และดมกลิ่น) ด้วยการจัดกิจกรรมการเล่นที่เหมาะสม เล่านิทานให้ลูกฟัง เพื่อส่งเสริมทักษะทางด้านการฟังและการใช้ภาษา พาลูกออกท่องเที่ยวหรือสำรวจบริเวณบ้านเมื่อมีเวลาว่าง ก็จะช่วยส่งเสริมทักษะการสังเกต เปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญยังทำให้ลูกมีทักษะความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้นด้วย
  3. การฝึกให้เด็กเป็นคนดี คนขยันและฉลาด ผู้ปกครองควรปฏิบัติอย่างไร
ตอบ   1.พ่อแม่ปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพราะ ธรรมชาติของเด็กชอบการสังเกตและเลียนแบบ
          2.ชื่นชมเมื่อลูกทำดีและตักเตือนเมื่อลูกทำผิด
          3.ฝึกการมีระเบียบวินัยกับเรื่องง่าย ๆ เช่น การเก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ
          4.ให้ลูกอยู่กับธรรมชาติรู้จักสิ่งต่าง ๆ รอบตัส
  4. ปัญหาที่เป็นอุปสรรค์ของผู้ปกครองที่มีผลกระทบต่อเด็กปฐมวัย คือปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องใด จงอธิบาย
ตอบ  การแก้ปัญหาของคนในครอบครัวส่งผลให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ซึมซับ และเลียนแบบ หากพ่อแม่แก้ไขปัญหาด้วยวิธีไหน เด็กจะจดจำวิธีนั้นไว้ เช่น เมื่อพ่อแม่ทะเลาะกันหากแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง เด็กจะซึมซับและมองเป็นเรื่องธรรมดา หากเด็กมีปัญหาก็จะแก้ปัญหาด้วยวิธีเดียวกัน นั่นก็คือตัดสินด้วยกำลังที่ไร้ซึ่งเหตุและผล 


😶😶😶 การประเมิน (Assessment) 😶😶😶

ประเมินอาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลา อธิบายเนื้อหาครบถ้วน เข้าใจง่าย

ประเมินเพื่อน : แต่งกายเรียบร้อย ให้ความร่วมมือในการเรียน

ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบ ตั้งใจฟังอาจารย์สอน