กลุ่มที่ 1 เรื่องการส่งเสริมความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรม "เล่นกับลูกปลูกภาษา"
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
💛เพื่อศึกษาพัฒนาการทางด้านความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรม เล่นกับลูกปลูกภาษา
💛เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษา
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษา
2.แบบวัดความเข้าใจทางภาษาของเด็กปฐมวัย
3.แบบวิเคราะห์ความเข้าใจทางภาษาของเด็กปฐมวัย
สรุปผลการวิจัย
1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจภาษาโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษา มีพัฒนาการความเข้าใจภาษาโดยรวมสูงขึ้น ร้อยละ 53.72 ของความสามารถพื้นฐานเดิม
2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจภาษาโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษา มีความเข้าใจภาษาโดยรวมและจำแนกรายด้าน คือการใช้คำอย่างมีจุดหมายและการใ้ประโยคเพื่อสื่อความหมาย สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
กลุ่มที่ 2 เรื่องการศึกษาผลของการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองในการสอนความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
👉 เพื่อเปรียบเทียบความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ -4 ปีบริบูรณ์
ในชนบทที่สอนโดยผู้ปกครองซึ่งคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กด้วยตัวเองหลังจากได้รับการศึกษาโดยคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัยกับผู้ปกครองซึ่งเรียนรู้วิธีสอน
และการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.ชุดการสอนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดรวบยอดทางศาสตร์
เรื่อง รูปวงกลม สีเหลี่ยม และสามเหลี่ยม
ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นสำหรับผู้ปกครองกลุ่มที่เรียนรู้วิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอน
2.แบบันทึกวิธีสอนและรายชื่อสื่อสำหรับผู้ปกครองกลุ่มที่คิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัย
เรื่อง รูปวงกลม สีเหลี่ยม และสามเหลี่ยม
ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้บันทึก หลังจากผู้ปกครองคิดวิธีสอนและสื่อที่ใช้ในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัยแล้ว
3.แบบบันทึกปริมาณการใช้สื่อในการสอนเด็กสำหรับผู้ปกครอง
ซึ่งผู้วิจัยใช้บันทึกรายชื่อสื่อ และจำนวนสื่อ ที่ผู้ปกครองทั้ง 2
กลุ่มใช้สอนเด็ก เรื่อง ใหญ่ – เล็ก ยาว
– สั้น หนัก – เบา และ มาก –
น้อย
4.แบบทดสอบความคิดรวบยอดทางคณิตสาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ - 4 ปีบริบูรณ์ เรื่อง ใหญ่ – เล็ก
ยาว – สั้น หนัก – เบา และ มาก –
น้อย
สรุปผลการวิจัย
👉 ความสามารถในการสร้างความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ -4 ปีบริบูรณ์
ในชนบทที่สอนโดยผู้ปกครองที่ได้รับการศึกษาโดยคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัย
และเรียนรู้วิธีการสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ตัวอย่างชุดกิจกรรม
กลุ่มที่ 3 เรื่องการเสริมพื้นฐานทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองผ่านชุดกิจกรรม
“สนุกกับลูกรัก”
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาทักษะทางคณิตศาสตร์
2.เพื่อศึกษาทักษะการเปลี่ยนแปลงของทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
3.เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
-
ชุดกิจกรรม“สนุกกับลูกรัก” จำนวน 8
ชุด
-
แบบทดสอบเชิงปฏิบัติทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
การดำเนินการวิจัย
ขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง
💛 ทำการทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์เป็นรายบุคคล
💛 เชิญผู้ปกครองเข้าร่วมปฐมนิเทศ
เพื่อรับทราบบทบาทและขั้นตอนของกิจกรรม
💛 มอบหมายชุดกิจกรรมให้เด็ก
💛 ผู้วิจัยเก็บรวบรวมชุดกิจกรรม
💛 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ปกครองละผู้วิจัย
💛 ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง ระยะเวลา 8
สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3
วัน คือ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ วันละ 45
นาที
ทั้งหมด 24
ครั้ง
สรุปผลการวิจัย
หลังจากการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยผู้ปกครองผ่านชุดกิจกรรม “สนุกกับลูกรัก” เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการทักษะทางพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยรวมและจำแนกรายทักษะสูงขึ้น
ตัวอย่างชุดกิจกรรม
กลุ่มที่ 4 เรื่องการพัฒนาโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครอง
ในการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กวัยอนุบาลด้วยรูปแบบการให้ประชาชนในชนบทมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
👉 เพื่อพัฒนาโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายของเด็กวัยอนุบาล
ด้วยรูปแบบการให้ประชาชนในชนบทมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
👉 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ผู้ปกครองของเด็กวัยอนุบาลทั้งหมดในหมู่บ้านหนองกก
หมู่ที่4 ตำบลพัฒนา อำเภอพรพิน จังหวันครศรีธรรมราช
ในปีพ.ศ.2540 มีจำนวนทั้งสิ้น39คน
สรุปผลการวิจัย
1.ผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมการส่งเสริมการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันของเด็กอนุบาล
ด้านการแปรงฟัน
จากพฤติกรรมการไม่ได้ติดตามการดูแลการแปรงฟันของเด็กหรือติดตามอย่างไม่สม่ำเสมอ
มาเป็นพฤติกรรมการดูแลการแปรงฟันของเด็กอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กในด้านการแปรงฟัน
2.ผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมการส่งเสริมการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันของเด็กวัยอนุบาล
ด้านการรับประทานอาหารมีประโยชน์จากพฤติกรรมปล่อยให้เด็กเลือกซื้ออาหารรับประทานเองตามใจชอบ
ซึ่งมักไม่มีคุณค่าของสารอาหาร มาเป็นพฤติกรรมดูแลรับประทานอาหารเด็กอย่างสม่ำเสมอด้วยการเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ให้เด็กรับประทาน
กำกับดูแลการเลือกซื้อและรับประทานอาหารอย่างใกล้ชิดรวมทั้งแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
กลุ่มที่ 5 เรื่องการพัฒนาโปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเพื่อพัฒนานิสัยรักการอ่าน
ของเด็กปฐมวัย